ณ ภูมาเลีย รีสอร์ท
ส่วนตัวเองยังไม่ได้จองที่พักเลย
ไปรับคุณภรรยา
ไปดูที่พักด้านใน ที่เรือนไทยริมหาด
เดินไปดู คุณภรรยา ถามว่า
หลังละเท่าไหร่ บอกว่า "พันแปด" ฮ่าๆๆๆๆ คุณภรรยาเดินกลับขึ้นรถเลยยยยย....
หลังจากนั้น พาไปกินข้าวก่อนดีกว่า ขับรถไปหาดสวนสน
ร้านค้าก็ ไม่ค่อยมีคนเพราะเป็นวันธรรมดา หันหัวรถกลับใหม่
มุ่งหน้าแหลมแม่พิมพ์
ระหว่างเดินทางผ่านแผง
ขายทุเรียน 1 หอยนางรม 1 ขากลับจะแวะซื้อ
สุดท้ายหลังจากอิ่มกลับมา
ฮ่าๆๆๆ แผงขายหอยนางรม ปิดเรียบร้อย เหลือแต่เปลือกหอยนางรม
กองอยู่
ได้ทุเรียนมา 1 ลูก ก็แวะส่งคุณภรรยา
ที่ภลูมาเรีย แล้วก็ขับ เข้าไปที่คุณภรรยาว่าแพงนะแหละ สุดท้ายคืนนี้
สงสัยจะต้องนอนคนเดียวววววววว หลังจากเวลา 1 ทุ่ม ออกไปกินชายสี่ ที่ เซเว่น ขากลับได้ โฮน์เนเก้นน มา
สองกระป๋อง
คืนนี้
สงสัยจะนอนคนเดียว อิอิอิแต่ยังมีความหวัง ว่า งานเลิกเดี๋ยว
คุณภรรยาก๋คงมานอนด้วยละ
หัวค่ำก็นอนฟังเสียงดนตรี
ไปด้วย จนถึง 5 ทุ่ม
เสียงดนตรี เงียบๆ เอาละ
เด๊ยวคงโทรให้ไปรับ อิอิ
แต่เสียงทอสับ ละเงียบกริป จนเกือบๆเที่ยงคืนละ เอาละ ลองโทรไปดีก่า เผื่อจะลืม อิอิ.......
ผล
กำลัง ติวคณิตศาสตร์อยู่ อิอิ นอนไปเลยคนเดียว........
แล้ว คำอธิษฐาน ก็สัมฤทธิ์ผล
เกือบๆ ตี 1 เสียงทอสับดัง รีบไปรับ ได้ยิน
คุณภรรยาบอกว่าให้ไปรับ หูยยยยยย เสียงสวรรค์เลยนะนี่
รีบขับรถไปรับเลย
กลับมา นอนกอดคุณภรรยา
อิอิ แต่ไม่ค่อยหลับ
สำหรับหาดดวงตะวัน
.......... พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่............
เช้าวันที่ 27 เมษายน 55 ออกเดินทาง สู่วังค้างคาว เอ๊ย วังน้ำเขียว นครราชสีมา ออกเดินทางเกือบๆสิบโมงเช้า แวะตลาดบ้านเพ ซื้อหมึก
หอย กุ้งใส่ถังไปเป็นเสบียง ระหว่างทาง เจอฝนตก บ้างหยุดบ้าง
ตลอิดเส้นทาง กว่าจะถึงที่พัก บ้านสวนภูมิตะวัน ก็สี่โมง กว่าโน่น ...............
ออกไปตลาด ไปหาซื้อของมาให้แม่บ้านทำกับข้าวให้กิน มื้อแรก ณ วังน้ำเขียว ต้มยำทะเล
หมึกย่าง หอยหวาน กุ้งย่าง ....
คืนนี้นอนบ้านพัดลม อิอิ แต่ไม่ร้อนเท่าไหร่
คุณภรรยาบอกว่า ขึ้นผาเก็บตะวันไหม อิอิ คุณสามีละบอกว่าเอาไว้พรุ่งนี้ละกันเนอะ
แม่เนอะ อิอิ นึกว่าจะโดนดุซะแล้ววววว แม่บอกว่าจ๊ะพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้
เช้าวันเสาร์ หลังจาก อาหารเช้า
ข้าวต้มหมูเห็ดหอม พาคุณภรรยาออกตะลอนตามเคย
ขับรถขึ้นเขาปัก
เป้าหมาย อุทยาน แห่งชาติทับลาน อยากดูต้นลานที่ออกดอก
ข้ามเขากลับมา ยังนาดี เห็นป้าย อุทยานแห่งชาติทับลาน โอ๊น๊อ อุทยานทับลาน
อยู่ติดริมถนน มีป่าลานขึ้นติดถนน เลยยยยยย ขับเข้าไปเจอ เจ้าหน้าที่ ใจดีมาก
บอกว่า ตอนนี้ทับลานไม่มีที่ไหนแนะนำให้เที่ยวเลย น้ำตกก็มีแต่หิน ไม่มีน้ำให้ตกซักหยด
ขับวนออกจากป่าลาน
ผืนสุดท้ายของประเทศไทย พาคุณ ภรรยา ข้ามเขาปัก อีก 1 รอบ พอลงจากเขา
ตั้งใจ
จะพาขึ้นเขาสลัดได แต่ อิอิ
สามี หาไม่เจอ
เลยบอกว่าลองเข้าที่ว่าการอำเภอวังน้ำเขียว ไม่นึกว่าจะได้เจอ ทั้งไร่องุ่น ทั้ง ศูนย์
ปลูกผักไร้สารพิษ
เดินดูต้นองุ่น ที่ออกลูกเต็มเถา
รสชาดหวานไร้เมล็ด
เป็นที่ตื่นตา ตื่นใจ
คุณภรรยาละถามหาต้นพันธ์ กะว่า เอาไปปลูกเอง
ไม่ต้องง้อใครมาปลูกให้กิน
อิอิอิ
หลังจากออกจากไร่องุ่น ขับรถไปตามทางถนนดีพอสมครวร
จนถึงที่หมาย ศูนย์กสิกรรมไร้สารพิษ เป็นกลุ่มชาวบ้าน ที่รวมตัวกันทำการเกษตร ที่ไม่ต้องใช้สารเคมี
ทั้งคุณภรรยาทั้งคุณสามี ได้เมล็ดผัก มา ปลูก กันทั้งคู่
บ่ายสาม กลับมากินอาหารเที่ยงกันเหมือนเดิม
ขับผ่าน
เข้าไปทางผาเก็บตะวัน และแล้วก็ได้เจอสวนผัก
และสวนเบญจมาศ
สำหรับสวนเบญจมาศ ดอกไม้
สวยสู้คุณภรรยาไม่ได้แน่นอน อิอิ
สังเกตุดูว่าแดดร้อนมากแค่ไหน
แต่ดอกไม้ก็สวยสู้คนไม่ได้อยู่ดี อิอิอิ.......
สำหรับรูปภาพ คุณภรรยาบอกว่าไม่ประสงค์ จะเอ่ยนาม อิอิ
หลังจากเดินทางกลับสู่ที่พัก
เย็นนี้ เราจะขึ้นไปเก็บตะวันกัน
17.00 น ได้เวลาเดินทางไปเก็บตะวัน เราสองคนขับรถขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติทับลาน
ผาเก็บตะวัน คนขึ้นไปเก็บตะวันไม่เยอะเท่าไหร่ แล้วก็ถึงเวลาที่เราจะเก็บตะวันกัน
ตะวันยังไม่โดนเก็บ แสงยังจ้าอยู่ต้องรอเวลาอีกหน่อย
ตะวันเริ่ม มีแสงสีแดง แต่สุดท้าย
เราไม่ได้เก็บตะวัน เพราะว่าตะวัน โดนเมฆ มาเก็บไปเรียบร้อยยยยยยย
เก็บตะวัน
มานั่งรอดูเมฆเก็บตะวัน อิอิ
( ภาพนี้ เจ้าของภาพอนุญาต เพราะเห็นเฉพาะด้านหลัง
อิอิอิ )
แล้วเราก็กลับที่พัก เวลา หกโมง ครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัวมากินมื้อค่ำที่โรงอาหารของรีสอร์ท
พักคืนนี้อีกหนึ่งคืน
เช้าวันอาทิตย์ เราเตรียมตัวเดินทางกลับ
เราสองคน จะได้กลับมาอีกนะ วังน้ำเขียวรอบที่ 4...........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น