วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

6 ธันวา พาคุณภรรยา ไปวังน้ำเขียวอีกรอบ

 6 ธันวาคม  ครบรอบ  3 รอบคุณภรรยา  วันนี้จะพากันไปวังน้ำเขียวอีกรอบ ก่อนออกเดินทางคุณภรรยา  ไปซื้อของทะเลแห้งที่อ่างศิลาก่อน  ได้ปลาหมึก แห้ง ปลาหัวขาด  ก่อนเดินทางแวะกินข้าวที่บางแสน เมื่ออิ่มแล้วออกเดินทางโดยใ้ช้เส้นทาง 304 มุ่งหน้ากบินทร์บุรี วันนี้รถเยอะเหมือนกัน ก็เลยขับไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงกบินทร์ ก็สี่โมงเย็นได้   ขับรถขึ้นเขาปัก  มุ่งหน้าวังน้ำเขียว  ถึงวังน้ำเขียว ประมาณ 5 โมง ไปกลับรถเข้าสู่ไทยสามัคคี มุ่งหน้าบ้านสวนภูมิตะวัน   แต่ไม่แน่ใจว่าจะเปิดไหม ลองไปดู  ไปถึงก็มีการชะโงกดู   เห็นประตูเปิด ก้เลยเลี้ยวเข้าไปดู  ปรากฎว่า  เปิด แล้วเราสองคนก็ได้กลับมาพักบ้านสวนภูมิตะวันอีกครั้งนึง

        วันนี้มาถึง   เราต้องออกไปกินข้าวข้างนอก ร้านระหว่างทางเข้าจำชื่อร้านไม่ได้ แต่อาหารอร่อยๆ
เราสั่งอาหารมา สามอย่าง  ผัดผัก  ไข่เจียววุ้นเส้น และต้มแซบ

       หลังจากซื้อเสร็จกลับมากินที่พัก  อิ่มเรียบร้อยยยยย  เข้านอนกอดเมียหลับสบายยยยยย..............

เช้าวันศุกร์  วันนี้ ขับรถออกไปเที่ยวเหมือนเดิม คราวนี้ได้ไปเขาสลัดได ที่คราวก่อนมาแล้วหลงหาไม่เจอ    ทางขึ้นเขา ฉูดดดดดดดดดดดดดด ยอดดดด    เจอขี้ช้างข้างทางด้วย ฮ่าๆๆๆๆ  สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าหญ้า ถ้ามีรถสวนลงมาก็ไม่รู้ว่าจะหลบยังไงเหมือนกัน ตลอดระยะทางมีรถเราขึ้นไคันเดียว มีรถ ขององค์การทอสับ สวนลงมาคันเดียว  แล้วเราก้ถึงจุดชมวิวจนได้ 

แดดแรงๆๆ แต่สองคน  บ่ยั่นหรอก  
c

ถึงจุดชมวิวอีกแห่ง  ทางเข้ารกๆๆมาก สงสัยไม่มีใครมาดูแลเป็นปีแล้วมั๊ง  แต่วิวที่ได้สวยๆๆ  ขากลับคุณภรรยาละอยากได้ต้นผักหวาน   เลยแวะไปถามที่เค้าขาย สวยผักหวาน แต่ไม่มีต้นขาย 
  ลงจากเขาสลัดได เรา ไปศูนย์ผักปลอดสารพิษ   คุณภรรยา ได้ผ้า พันคอมาสองผืน  แล้วก็เมล็ดผักอีก สองสามอย่าง และ ยาสระผมน้ำมันมะพร้าววว 

 ออกจากศูนย์ผักปลอดสารพิษ ได้เวลาอาหารกลางวัน บ่ายสาม  55  กินไก่ย่างอีกแล้ว อิอิ  กินกันสองคนไก่ ครึ่งตัว  ส้มตำ  ข้าวเหนียว ต้มยำ   อิ่มๆๆ  กลับเข้าที่พักบ้านสวนภูมิตะวัน    


   วันนี้อาหารเย็นร้านเดิม  สั่งมากินที่บ้านพัก  คืนนี้หลับสบายยย พาเมียไปปีนเขามา อิอิอิ

   อาหารเช้า  ข้าวต้มเห็ดหอม  อร่อยๆๆ  วันนี้จะออกเดินทางไปมหาสารคาม ไปส่งภรรยาก่อนค่อยกลับ
มากรุงเทพทำงาน ต่อ ไปนอนบ้านเมียสักคืน 
 ออกเดินทางจากวังน้ำเขียวประมาณสิบโมง  คุณภรรยาแวะซื้อน้ำเต้ายักษ์  กลับบ้านด้วย   ได้ฝรั่งสามโล  เห็ดหอมที่ตลาดไทยสามัคคี   ขับรถ เดินทางถึงมหาสารคาม บ่ายสามโมง อีกแล้ว แวะกินข้าวร้านเดิม โต้งไก่ย่าง   วันนี้กินไก่อีก 1ตัว สองคนสามี ภรรยา   

      มื้อเย็น ก็กินอีกเยอะๆๆ สองคนเลยน้ำหนักขึ้นไหมน๊าาาาาาาา

       คืนวันเสาร์  หลับสบายยยย  นอนกอดคุณภรรยาหลับ แต่ไม่ฝันมีความสุขมากที่ฉูดดดดดดดดดดด

      วันอาทิตย์ อีกแล้ว  ออกเดินทางจากมหาสารคาม 11 โมงกว่าๆ    เฮ้อๆๆ   ต้องจากเมียอีกแล้ว

                                   แต่ไม่เป็นไร  มหาสารคาม ไม่ไกลอย่างที่คิดนะ  คุณภรรยาจ๋าา......

                             เดี๋ยวเราไปไหนกันอีกจะเอามาบันทึกไว้นะ

           

ทอดกฐินเมืองสกล

วันที่ 9 พฤศจิกายน  เดินทางสู่มหาสารคาม  อีกครั้ง โปรแกรมครั้งนี้ทอดมหากฐิน ณ เมืองสกลนคร

ออกเดินทาง จากรุงเทพ 6:30 นฬ ระหว่างทางวันนี้อากาศค่อนข้างสดใส เหมือนจะหนาวแต่ไม่หนาว ใช้เวลาเดินทาง สามชั่วโมงกว่าๆ  ก็ถึงโคราช ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายออกสู่ถนนมิตรภาพ เพื่อไปบ้านไผ่ เมืองขอนแก่น ถึงแยกบ้านไผ่ประมาณ 10 โมง  เลี้ยวขวา เข้าสุ่จังหวัดมหาสารคาม ถึงมหาสารคาม 11โมงหน่อยๆ ไปถึงคุณภรรยามีหน้าที่ทำกับข้าว อยู่หน้าเตาเลี้ยงทั้งคน เลี้ยงทั้งพระ  คนเยอะมาก ในงานกฐิน ไม่รู้ใครบ้างละ   กว่าจะได้หยุดพัก ก็สามสี่ทุ่ม คืนนี้ได้หลับยาวแน่

เช้าวันที่ 10   ขบวนกฐินออกเดินทาง จากมหาสารคาม แต่ ตี 4   แต่เราขับรถตามไป  จึงได้ออกจากมหาสารคามเกือบๆ หกโมง   ครั้งแรกขับรถขึ้นภูพาน ระหว่างทาง  ถนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่  จึงใช้ความเร็วได้บางช่วง      ไปถึงสกลนคร   เต่างอย  สิบโมงกว่าๆ  เตรียมทอดกฐิน ตั้งขบวน   ชาวบ้านแถบนั้นเตรียมตัวจัดงานรื่นเริงมีทั้งขบวนแห่  แตรวง โปงลาง  และจากหมู่บ้าน  ขบวนแห่ ก็แห่กฐินเข้าสู่บริเวณวัด  วนรอบโบสถ์ 3 รอบ ก่อนนำองคืกฐินเข้าสู่ศาลา  เพื่อทำการทอดกฐินแกพระภิกษุสงฆ์

หลังพิธีเสร็จ ก็เดินทางกลับ  มหาสารคาม ระหว่างทางกลับ  ฝนตก บนภูพาน  แต่พอ เลยจากด่านตรวจแดดร้อน   ก็แปลกดี อาจจะเป็นเพราะมีต้นไม้เยอะมั๊งบนภูพาน

 ทริปนี้ ไม่มีอาไร  พอเช้าวันอาทิตย์ เดินทางกลับ กรุงเทพ  ทำงานต่อ  เดี่ยวรอเดือนหน้าพา คุณภรรยา  ไปวันเกิด

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตักสิลา พระธาตุนาดูน กู่สันรัตน์

วันที่ 28 กันยายน  ได้ฤกษ์เดินทางสู้เมืองตักสิลาอีกครั้ง   ไปถึงก็ประมาณเกือบๆเที่ยง  ไปคราวนี้คุณภรรยาออกมารับตามเคย  มื้อกลางวัน กินร้านเดิม  กับไก่ย่างเหมือนเดิม   บ่ายๆ  เกือบเย็นๆ  คุณภรรยาพาไปดู ที่ดินที่คุณภรรยาซื้อเอาไว้   แล้วพาไปที่วังมัจฉา    เป็นบึงใหญ่ มีปลาเยอะมาก ตัวใหญ่ๆด้วย นอกจากปลาแล้วยังมี กระต่าย แพะ

วันเสาร์  เช้าๆๆ หลังจากตื่นนอน และกินอาหารเช้าเรียบร้อย    วันนี้จะได้ไปนมัสการพระธาตุนาดูน ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ออกเดินทางจากมหาสารคาม ไปพระธาตุนาดูน  ไปถึงก็  เกือบๆเที่ยงอากาศร้อนๆ  แต่ไม่เป็นไรสามี ภรรยาทนได้       ระหว่างทาง เห็นรถจอดข้างทางเยอะมาก   คุณภรรยาบอกว่า มีกรุแตก    แต่เราไม่ได้แวะ  ขับไปไหว้พระธาตุก่อนดีกว่า แล้วเราก็ถึง องค์พระธาตุ
                                            อากาศ  ร้อนๆ  แต่  ไม่เป็นไรเราสองคน  ได้ไปไหว้องค์พระธาตุ กัน หลังจากไหว้องค์พระธาตุแล้ว ก็ไปเดินดูตลาดร้านขายของรอบๆ  คุณภรรยา ได้เสื้อคลุมมา 1 ตัว  และร้านค้าแถวนั้นบอกว่า มีกรุแตก   เราสองคน ก็จะตามไปดู   ฮ่าๆๆๆๆ

  ขับรถไปจอด ต่อท้าย มีรถจอดอยู่หลายคันเหมือนกัน คนค่อนข้างเยอะเดินเข้า ออก   บอกว่าโน่น เดินไปประมาณ 2 กิโล โอ้โหหห.....  ดีนะที่ถือร่มติดมาด้วย  สองคนผัวเมีย เดินกันเหงื่อ ตก  ฮ่าๆ

เดินผ่านร้านค้าที่ขายน้ำดื่ม ซื้อกันมาสองขวด  ถือกันคนละขวด  เดินไปกินไป ผ่านคนเดินสวนออกมา บอกโน่น  อีกกิโลนึง  คุณภรรยามองหน้า  บอกว่ากลับไหม !  ?????   มาถึงนี่แล้วจะกลับได้ยังไง  อิอิ

      เดินกันไป สภาพทุ่งนา  กลายเป็นเหมือนเหมืองแร่ที่โดนขุด  กินพื้นที่หลายร้อยไร่   เดินไปถึงที่เค้าใช้รถตักขุด โอ๊ววววว พระเจ้าจอร์ซซซซ  คนมาจากไหนเยอะแยะ ทั้งร้านค้า เหมือนมี งาน วัด  ครั้งนึงๆครั้งนึงยังจำได้ไหมมมมมมม ..........

      มีคนอยู่ในหลุม  คอยขุดๆๆหา องค์พระ   เมื่อหาๆแล้วไม่มีก็ให้รถตักเอาดินขึ้นปากหลุม  พอ ดินเทลง คนที่อยุ่ ข้างบน  ก็กรูกันเข้าไปคุ้ยๆๆๆ   บางคนมีโชค  ก็ เจอ  บ้างไม่เจอบ้าง   ก็แล้วแต่ว่าจะเป็นโชคของใครละเนอะ  เราสองคนก็ดูๆๆแต่ไม่ได้ไปลุบกับเค้าหรอก  ยืนดูอยู่ซักพัก  ก็เดินกลับออกมา  เหนื่อยเหมือนกันกว่าจะถึงริมถนน  เดินออกมาถึงริมถนน 555 คุณภรรยา  เหลือบไปเห็น แบงค์ ร้อย อยู่ริมถนน  คนเดินไปเดินมาตั้งเยอะ ไม่มีใครเห็น  ฉูดดด.....ยอดดดด.....ไหมเมียผม ????? หยิบ แล้วเดินถืออไม่พูดไม่จา พอถึงรถ  บอกว่า เดี๋ยวดูเลขที่แบงค์  จะเอาไปแทงหวยยยยยย  เง้อออออออออออ .................

  ขึ้นรถ เดินทางกลับกำลังจะผ่าน สถานที่เป็นพันปีเลยบอกว่าเราแวะเข้าไปกุ่สันตรัตน์กันไหม  คุณภรรยาบอกตามใจ เพราะอยู่สารคาม  ก็ยังไม่เคยมาเหมือนกัน ก็เลยเลี้ยวซ้ายเข้าไป     เป็นกู่ที่ตั้งอยุ่ในบริเวณวัด  สถานที่เงียบๆดีจัง มีทั้งกู่ และบ่อน้ำ อยู่ใกล้ๆกัน
ภายในมีพระพุทธรูปหินทรายประดิษฐานอยู่  คาดว่าน่าจะมีการนำมาประดิษฐานในภายหลัง

      ในบริเวณกู่มีสระน้ำโบราณอยู่ข้า่งๆๆกู่ บรรยากาศเงียบสงบดีจัง สองคนเราเข้าไปนมัสการองค์พระพุทธรูป และ องค์พระที่ทำจากแผ่นศิลา  

ณ ที่นี้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีทรงเสด็จมาทอดพระเนตรแล้วโดยมีหลักฐานบันทึกไว้ว่าพระองค์ท่านได้เสด็จมาเมื่อใด

   
ศิลปเขมร ในประเทศไทยยังมีอีกเยอะมากมาย ครับ  แต่ ทำไมไม่มีหน่วยงานที่คอยดูแลรักษา  กลัวว่าซักวันหนึ่งข้างหน้าจะเหลือแค่กองอิฐวางทับๆกันไว้ จนคนรุ่นหลังๆไม่รู้ว่าคืออะไร

ออกจากกู่สันตรัตน์   ระหว่างกลับเจอรถยางแตก  ควันไหม้เหม็น ไปหมด  ผ่านทางเข้าอำเภอแกดำ แล้ว
ตลาด  คุณภรรยาบอกของขายเยอะนะนี่  วันนี้ หมดเวลาไปอีกหนึ่งวัน

เช้าวันอาทิตย์  เฮ้ออออ  ได้เวลา เดินทางกลับกรุงเทพอีกแล้ววว  หลังจากกินข้าวเช้าสองคนถ่ายรูปไว้  อิอิ  แต่เก็บไว้ดูกันเอง  ฮ่าๆๆๆๆ

                                       อยากบอกคุณภรรยา  ว่า รักแม่มากที่สุด


                         ได้เวลาเดินทางกลับ  แล้วจะมาบันทึกใหม่ว่าเราไปไหนกันอีกครับ




                                                       

เขาใหญ่ ณ ปลายฝน


วันที่ 31 สิงหาคม ออกเดินทางจากกรุงเทพ จุดหมายอยุ่ที่เขาใหญ่ ของเราสองคน (อีกรอบ) ออกเดินทางโดยใช้ถนนกาญจนาภิเษก ลงสู่ บางปะอิน ถนนสายเอเซีย ก่อนจะตัดขึ้นทางต่างระดับเลี่ยงเมืองสระบุรี  แล้วเราก็ผ่านสู่ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี แวะเข้าไปนมัสการเงาพระพุทธเจ้ากันก่อน วัดแห่งนี้ ไปถึงขณฝนตกรินๆ  บันได้ขึ้นสู่ที่สักการะ เงาพระพุทธองค์  ที่ฉายไว้บนแผ่นผา  เมื่อทำการนมัสการ เงาพระพุทธองค์แล้ว ได้เดินไปยังที่องค์พระพุทธเจ้าหลวงได้เสด็จ มา และทรงได้ลงพระปรมาภิไภยไว้  รวมถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหลายๆพระองค์
                                     

หลังจากได้ชื่นชมความงามแล้ว เราสองคนได้เดินมายังอีกห้องหนึ่งของพระมณฑป ซึ่งประดิษฐานพระนอน และพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม มาก เจ้าหน้าที่วัดได้เล่าว่าพระนอน ณ ที่วัดพระพุทธฉายนี้ ปลายเท้า ทานได้วางไขว้กัน ซึ่งเป็นปางที่ท่านพรงพักผ่อน มิใช่เป็นปรางที่ตรัสรู้พระนอน ที่วัดพระพุทธฉาย ที่ พระเนตร ขาวทำจากเปลือกหอยมุก และพระเนตรดำ ทำจากนิล



นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทรงเครื่อง ลักษณะสวยงามมากๆ

ระหว่างที่เดินทางออกจากวัด บนทางเดินมีลิงหลายตัวมารออาหาร จากรถยนต์  บนเขาทางขึ้นรอยพระพุทธบาทข้างขวา  มีลิงเยอะมากๆ มารอกันเต็มถนน ไปหมด  ระว่างเดินทางกลับได้เอาองุ่นโยนให้สองสามตัว  ลิงพวกนี้อีกหน่อยก็คงหาอาหารกินกันเองไม่เป็นละ
 เราสองคนขับรถ มาเกือบจะเข้าเขตนครราชสีมา  ได้จอดแวะ เติมทพลัง ณ ร้านไก่ย่างเขาสวนกวาง เลยจาก ด่านตำรวจทางหลวง  แล้วชิดซ้ายได้เลย รสชาด อาหารอร่อยมาก  แม้ จะเป็นเวลา ประมาณบ่ายสอง สองคน กินจนพุงกาง อิอิ คุณภรรยาบอกอร่อยๆ 
  เดินทางถึงเขาใหญ่  เข้าพัก ที่แหม่ม วิลเลจ บรรยากาศริมน้ำ น้ำค่อนข้างแรง ที่พัก  บรรยากาศดีมากๆจนเราสองคนไม่ได้ออกไปไหนเลย อิอิ      
 ที่พักราคา ไม่แพง รวมอาหารเช้า คืนวันศุกร์ เราสองคน ออกเดินตลาดนัด วัดท่าช้าง เหมือนเดิม   ได้ ของกินมานิดหน่อย ไม่เยอะ คืนวันศุกร์ ได้อาหารเย็น ที่เขาใหญ่คีรีธารทิพย์ รสชาดอาหารอร่อยเหมือนเดิม แม้เราจะไม่ได้ที่พักที่นี่แต่ก็ยังมากินข้าวเย็นที่นี่  จนได้
คืนนี้ อากาศไม่ร้อน ไม่เย็น  เหมือนแอร์ ติดๆดับ ๆ  หลับสบาย จนถึงเช้า วันเสาร์
วันเสาร์ตื่น มา ออกไปตักบาตร วันนี้เป็นวันพระ กับข้าว ขายหมดเร็วมาก เราสองคน ก็เลยด้ไปถวายอาหารแด่พระที่วัดป่า ใกล้ๆเขาใหญ่ กลับมา ถึงที่พัก กินอาหารเช้า (ที่เยอะมาก )ไม่ได้ออกไปไหน  ออกไปกินข้าวเที่ยง ตอนบ่ายสี่โมง วันนี้รวบยอดอาหาร สองมื้อทั้งกลางวันเย็น  ประหยัดไปได้อีก 1 ,มื้อ
คืนนี้มีละคร คุณภรรยาบอกว่าหลับไปก่อนเลยขอดูละครก่อน  ฮ่าๆๆๆ แล้วก็หลับได้สนิทจริงๆ
เช้าวันอาทิตย์ ตื่นล้างหน้า ล้างตา หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว  วันนี้ได้ขับรถไปวังน้ำเขียว ได้เห็ด ได้ผัก มากะว่าเย็นนี้จะกินผัดผัก  จากวังน้ำเขียว

เดินทางขึ้นเขายายเที่ยง กังหันลม ผลิตกระแสไฟฟ้า   ไม่ต้องไปต่างประเทศ  บ้านเราก็มีแล้วกังหันผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังลม ทางขึ้นชันเหมือนกันระหว่างทางมีรีสอร์ทค่อนข้างเยอะมาก กลางคืนคงเปลี่ยวน่าดูเหมือนกันนะนี่


                                                                          
บนสันเขื่อนมีพระพุทธรูป หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์
                  ให้นักท่องเที่ยวได้นมัสการ


               


ลงจากเขายายเที่ยง   ขับรถเข้าปากช่อง แต่ไม่มีอะไรแวะไปโลตัสดีกว่า  คุณภรรยาจะพาไปกิน เอ็ม เค สุกี้  แต่คนเยอะมาก ได้เสื้อยืดมา หนึ่งตัว ก่อนเดินทางกลับที่พัก  ระหว่างเดินทางกลับ แวะตลาดนัด ได้กระดูกหมู มาต้มยำ สำหรับมื้อเย็น  อาหารเย็นวันนี้ 
ผัดผัก ใส่เห็ด   ต้มยำกระดูกหมู ไข่เจียว   วันนี้มีละคร  ที่ท่าทางคุณภรรยาผมจะติดแน่ๆ
แล้วก็เป็นดังคาด อิอิ ห้าทุ่ม  ได้นอน
เช้าววันจันทร์  เฮ้อ ไวจัง สามคืน ไวเหมือนโกหก  ได้เวลาเดินทางกลับปฏิบัติภารกิจ เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร  เดี๋ยว  ก็ได้ไปหาคุณภรรยาอีกละ   แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกว่าเราจะไปไหนกัน..........

บ้านไม้ชายน้ำ วังน้ำเขียว



30 มิถุนายน  ออกเดินทางเวลา 06.00 น. จุดหมาย คือไปหาคุณภรรยา  คราวนี้เรา ตั้งใจไปที่เดิม "บ้านสวนภูมิตะวัน" วันนี้รถค่อนข้างเยอะ ถนน หนทาง ใช้ความเร็วไม่ค่อยได้  กว่าจะไปถึงปั๊ม น้ำมันที่ คุณภรรยา คอยอยู่ ก็ สิบโมงกว่า ไปถึง ก็นั่งพักอยู่ประมาณสามสิบนาที ออกจากปั๊มน้ำมัน ปตท ปักธงชัย  คุณภรรยาถามว่า จะทันเที่ยงไหม จะดูวอลเลย์บอล ไทยกับ บราซิล   แต่พอถึงทางเข้า อำเภอปักธงชัย ตัดสินใจเลี้ยว ซ้ายเพื่อจะไปดูตลาดวัดโพธิ  เลี้ยวเข้าไปแวะถามทาง  ทางไปตลาดวัดโพธิ์ และแล้วก็มาถึงจนได้ ปรากฎว่าขับเลยทะลุออกไปถนนอีกเส้นหนึ่ง (แต่ไม่รู้ เส้นไหน) กลับรถมาถามทางอีกรอบ  เค้าบอกว่าตลาดวัดโพธิยังไม่เปิดจะเปิดขายช่วงเย็นประมาณ 3 โมง แต่มีตลาดสด ให่สังเกตุเซเว่นไว้  เราเอารถเข้าไปจอดที สาธารณสุข ออกไปเดินตลาด ตลาดที่นี่ค่อนข้างใหญ่  มาก เราสองคนเดินไปเดินมา ได้ขนม มายี่สิบบาท  อิอิ  ออกจากตลาดสดปักธงชัยสิบโมงกว่าๆเกือบครึ่ง ขับไปตามถนน 304
ประมาณ เกือบๆเที่ยง  เลี้ยวซ้ายเข้าทางเข้าหมู่บ้านไทยสามัคคี วังน้ำเขียว ขับไปอากาศวันนี้ไม่ร้อนเท่าไหร่ เลี้ยวซ้ายทางเข้า บ้านสวนภูมิตะวัน  เข้าไปถึงปรากฎประตูปิด ดูเงียบๆ
 เราสองคนเริ่ม เอาละจิจะไปทางไหนดี ลองขับเข้าไปดูด้านใน ซอย  ถนนทั้งสายเงียบ ไม่มีรีสอร์ทไหนเปิดประตู เราสองคนเริ่ม ตั้งต้นใหม่ วนรถออกมาถนนใหญ่  เริ่ม หาที่พักแห่งใหม่ เลี่ยวซ้าย ไปทางผาเก็บตะวันมองหารีสอร์ท ข้างทางไปเจอป้ายฝั่งขวามือ บ้านปลายน้ำ  ตัดสินใจเลี้ยวขวาเข้าไป
  ทางเข้าเป็นถนนดินลูกรัง เล็กๆ ถ้ามีรถสวนก็คงจะแย่เหมือนกัน  ขับเข้าไปประมาณ หนึ่งกิโล เจอรีสอร์ทซ้ายมือ  

บ้านไม้ชายน้ำ  เราสองคนกำลังตัดสินใจกันว่า  รีสอร์ทนี้จะเปิดไหมน๊า  พอดีว่าคุณภรรยาบอกว่าเห็นคนอยู่ เลยเลี้ยวเข้าไปทันที
สอบถามพี่เจ้าของ แกใจดี มากทั้งสองคน มีบ้านพักสี่หลัง ให้เราเดินเลือกเอาตามใจ ชอบอยากนอนหลังไหน
เราเลือก ไม่ใช่จิ  คุณภรรยาบอกว่าตามใจ ตาดาม  เลยเลือกบ้านจันทบูร  บ้านพัก ที่นี่ ไม่มีแอร์  มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีไวไฟ ให้เล่น  บรรยากาศ เงียบสงบมาก 
      พี่เจ้าของรีสอร์ท  ตัดลำใย ที่กำลังออกลูกเต็มต้น มาให้เราได้กินกัน ตะกร้า นอกจากต้นลำใยแล้วภายในรีสอร์ท ยังมี ทั้งไม้ผล ไม่ดอกมากมาย
วันนี้เรากินข้าวกลางวันกันตอนประมาณ บ่ายโมงกว่า กับไก่ย่างที่คุณภรรยา เตรียมมา พร้อมกับส้มตำ และตำแตง  กินข้าวเหนียวหมดไปสองห่อ  กินไปก็ได้ดูวอลลเลย์บอลไปด้วย

 ประมาณบ่ายสองท้องฟ้าครึ้มๆ เริ่มมีฝนโปรยลงมา ยังไม่รู้ว่าเย็นนี้ จะกินอะไร  อิอิ

บรรยากาศบ้านอยุ่บนเนิน สลับกับทุ่งหญ้า เหมาะสำหรับการพักผ่อน ที่ไม่มีเสียงดังของเครื่องขยายเสียง เสียงรถวิ่งไปมา
บรรยากาศจากบ้านพัก ไปทางอุทยานแห่งชาติทับลาน







เย็นวันเสาร์ เราไปเดินตลาดนัด ที่อยู่เยื้องๆกับ ทางเข้าบ้านสวนภูมิตะวัน ได้ฟักทองแกงบวด มา 1 ถุง แล้วก็ ออกไปว่าจะหากับข้าวเย็นไปตลาด กม 79 ก็ไม่มีอะไรอีก  สุดท้ายกลับมา ได้ อาหารเย็น ปากทางเข้า ไทยสามัคคี
ต้มข่าเห็ด ออรินจิ  กับเห็ดออรินจิ ผัดฉ่า  เห็ดทอด  กับไก่ย่างจากมื้อเที่ยง อีก 1 อย่าง
คุณภรรยาละดูแลหากับข้าว ให้ตาดามกินอย่างดีที่สุด ไม่รักคุณภรรยาแล้วจะให้ไปรักใครได้
กินอิ่ม  วันนี้ มีละคร  ต้องรอโคสะนา อิอิ
คืนนี้ตาดามนอนกรนให้คุณนายฟังอีกละ  ฮ่าๆๆๆ  ไม่ได้นอนแน่คุณนายจ๋า   ตกดึกมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาในห้องเรา  สามสี่ตัว มาก่อความรำคาญให้ไม่ได้นอนต้องเปิดไฟหา กัน ตบตายไปสองตัว  ที่เหลือสงสัยจะกัวตาย หายไปหมด ฮ่าๆๆๆ

เช้า วันอาทิตย์ ออกเดินชมในสวนเจอดอกไม้   
    

  




มีทั้งต้นกาแฟ  ทุเรียน มะยงชิด คงรอวันที่จะโตและออกดอก ออก

ผล  เช้านี้ กินข้าวต้มหมูใส่เห็ด ไปตั้งสามถ้วย คุณภรรยา เติมไปหนึ่งรอบ
 ตอนจะกลับ พี่เจ้าของรีสอร์ทยังได้ตัดทั้งลำใย และมะเฟืองให้เราได้เอากลับมาด้วยอีกต่างหาก  ทริบนี้หมดเวลา ที่จะได้พักผ่อนละ ต้องเดินทางกลับมาทำงานต่อ
เราสองคนจะกลับมาพักที่นี่อีก  "บ้านไม้ชายน้ำ วังน้ำเขียว"
  
เดี๋ยวๆ  ยังไม่จบ  จะบอกว่า  "รักคุณภรรยามาก ที่สุด" 

เดินทางสู่มหาสารคาม เมืองตักสิลา


 และแล้วก็ได้ฤกษ์เดินทางสู่ มหาสารคาม บ้านคุณภรรยา  วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2555  ออกเดินทาง เวลา 06.00 น. วันนี้อากาศดีมาก ท้องฟ้าสดใส ไม่มีเมฆ ฝนมารบกวนการเดินทาง  ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ สู่ถนนเอเซีย ตัดออกทางเลี่ยงเมือง เข้าสู่ถนนมิตรภาพ  เกือบๆ 8 โมง เดินทางถึงทางแยกเขาใหญ่ โทรไปรายงานตัวกับคุณภรรยาที่รัก 
     ว่า ณ เวลานี้ถึงทางแยกเข้าเขาใหญ่แล้วนะครับ      เวลาประมาณ  เกือบๆ 9 นาฬิกา  ถึงลำตะคอง  เกือบจะสิบโมง ถึงโคราช ละ  เร็วกว่าที่คาดการณืไว้  เลี้ยวซ้ายออกสู่ถนน  เดินทางไปจังหวัดขอนแก่น  วันนี้รถน้อย ขับสบายๆ  คุณภรรยาโทรมา ตอนประมาณสิบโมงครึ่ง  ถามว่าถึงไหนแล้ว  ตอบไปว่า อีก 25 กิโล ถึงเมืองพล  คุณภรรยาตกใจ บอกทำไมเร็ว   ขับมาเรื่อยๆไม่ต้องรีบ   อีกซักพักผ่านเมืองพล  เป้าหมายต่อไป ทางแยกไปมหาสารคาม ก่อนเข้าบ้านไผ่ 

      ขับรถวันนี้สบายมาก  มหาสารคาม  ไม่ไกลอย่างที่คิด อิอิอิ   ใช้เวลา ประมาณอีก หนึ่งชั่วโมง ก็ถึงบรบือ ตอนเกือบๆสิบเอ็ดโมง  เอาละ เห็นป้าย ยินดีต้อนรับสู่จังหวัดมหาสารคามละ

       จากบรบือ ถึง  ตัวจังหวัดมหาสารคาม ใช้เวลาอีกประมาณ สามสิบนาที  คุณภรรยาละทำท่าตกใจจะขับถึงเร็วอะไรขนาดนั้น  อิอิ  ก็หัวใจสามีอยู่สารคามนี่นา 
    สิบเอ็ดโมง ครึ่ง มาถึงสารคาม แล้ว เย้ๆๆ  คุณภรรยาโทรบอกทาง  ให้ขับมา เรื่อยๆ และแล้ว ก็ได้กอดคุณภรรยาซักที รอมาหนึ่งเดือน   อิอิ

      หลังจากได้กอดคุณภรรยา วันนี้คุณภรรยา จะพาไปกินข้าวเที่ยง ที่ร้านโต้ง   ให้คุณภรรยาเป็นคนขับ สามีจะนั่ง สบายๆๆ อิอิ  ถึงร้านเป็นร้านที่ลึกลับเหมือนกันนะนี่  ถ้ามาเอง คงไม่มีทางได้กินแน่ๆ   แต่พอถึงร้าน  ร้านคนเยอะมากกกก   เราได้ นั่งที่กระท่อม กันสองคน   วันนี้มื้อเที่ยง  มีไก่ย่าง ส้มตำไท ตำถั่ว แกงอ่อม และข้าวเหนียว กระติ๊บ
        ไก่ย่าง อร่อยๆมาก  ได้กินอ่อม หวาย  ใส่ไก่ เป็นครั้งแรกเลยที่สามีกิน อิอิอิ หมดข้าวเหนียวไปสองกระติ๊บ
        หลังจากอิ่มเรียบร้อย คุณภรรยาจ๋าพาไปเดินโน่นนนน โลตัส กาฬสินธ์  ผ่านองค์พระพุทธมิ่งเมือง คุณภรรยาบอกเดี๋ยวกลับมาไหว้ตอนขากลับ   ไปถึงกาฬสินธ์ ไปเดินโลตัส ไม่มีอาไร  คุณภรรยาบอกว่าไปกาฬสินธ์พลาซ่าดีก่า   แต่จำทางไม่ได้  ไม่ยากหรอก ถามเจ้าถิ่นดูเดี๋ยวก็รู้  อิอิอิ
        หลังจากถามทางเรียบร้อย คุณภรรยาถามว่า ฟังรู้เรื่องหรือ อิอิอิ ทำไมจะไม่รู้ละ เมียอ้ายนะคนอิสาน เน้อจะบอกให้ อิอิ

           ถึงกาฬสินธ์พลาซ่า เดินดูของเยอะดีเหมือนกันนะ  คุณภรรยา ซื้อกระเป๋า สตางค์ใหม่ 1 ใบ  จะซื้อปากกาให้สามีซักหน่อย แต่ดูปากกามันเก่าเก็บยังไงไม่รู้ อิอิ
          เย็นนี้ มีนัดพาลูกไปกินซีฟู๊ด 
          เดินทางกลับจากกาฬสินธ์ อาบน้ำ เรียบร้อย เวลาประมาณ 18.30 น.บอกคุณภรรยา โทรบอกลูกหน่อยว่า จะไปรับไปกินซีฟู๊ดด  เวลาประมาณ 1 ทุ่ม  ขับรถไปรับลูก สาวไปกินซีฟู๊ด  วันนี้กินกันเยอะๆๆ  ตักมา กินกันไม่หมด อิอิ  ต้องช่วยๆกันกิน  ใช้เวลา เกือบๆสองชั่วโมง
         วันนี้ กลับมานอนหลับสนิท อิอิอิ  พรุ่งนี้เช้า มีโปรแกรมเดินทางต่ออออ..........

        วันที่ 26 พฤษภาคม 2555  ตื่นนอนเกือบๆแปดโมง หลังจากกินอาการเช้าเรียบร้อยวันนี้จะเดินทางไปเขื่อนลำปาว และภูกุ้มข้าว พิพิธภัณธ์ไดโนเสาร์
         วันนี้ ขาไปได้ไปไหว้พระ ที่อำเภอกันทรวิชัย  พระพุทธรูปยืนมงคล   โบสถ์เก่าสวยมากแต่ไม่มีการดูแลรักษาน่าเสียดาย  หลังจากออกจากวัด  เดินทางไปยังเขื่อนลำปาว ทางไปได้สบายๆเกือบๆเที่ยงผ่านร้านอาหารสุมัญญา  คุณภรรยาบอกว่าจะกินข้าวเที่ยงก่อนไหม  แต่ยังอิ่มๆอยู่ เลยบอกว่าเดี(ยวค่อยกินดีกว่า เที่ยงกว่าๆ ก็ถึงสันเขื่อน
     ผ่านที่ปล่อยน้ำ น้ำเยอะเหมือนกัน ขับออกจากเขื่อนไม่กี่อึดใจ ก็ถึงภูกุ้มข้าว มีพิพิธภัณธ์ เสียค่าบัตรคนละ 40 บาท  ภายในทำได้ดีเสียอย่างเดียวปิดไฟมืดไปหน่อย มองไม่ค่อยจะเห็นทาง  มาถึงกาสิน  อิอิได้พาภรรยาปีนเขาอีกจนได้

     พากันเดินขึ้นไปหลุมที่เค้าขุดเจอเจ้ากิ้งก่ายักษ์  ส่วนมากคนมาดูจะได้ขึ้นไปดูเจ้ากิ้งก่ายักษ์นอนตายหรือป่าวหรอก 
  
   เราเดินทางกลับจากกาสินมากินข้าวเที่ยงกันตอนบ่ายสาม   บ่ายสี่กินอิ่มแล้วเดินทางกลับมาได้ไหว้พระพุทธรูปมิ่งเมืองเกือบๆห้าโมงเย็น  วันนี้ปิดทององค์พระแลอธิษฐานว่า ขอให้เราได้มาอยู่ด้วยกันเร็วๆด้วยเถิด
      กลับมา วันนี้งดข้าวเย็น  อิอิ   แต่วันนี้ฝนตกประมาณหนึ่งทุ่ม ไม่มีท่าทางจะหยุดแต่ไม่เป็นไร สองคนผัวเมียจะตะลุยราตรี อิอิ  และแล้ว
        ก็มาถึงตะวันแดงสาดแสงทองกันจนได้ ฝนตก หรือไม่เป็นอุปสรรค์  เรามีร่ม อิอิ  คุณภรรยาใส่กระโปรงแซ็กสีดำ  สวยจริงๆเลย อิอิ   คืนนี้กว่าจะได้นอน อิอิ  ตีสามได้มั๊ง  

          วันอาทิตย์ เฮ้อ ต้องกลับกรุงเทพ มาทำงานอีกแล้ว  ตื่นเช้า กินข้าวเช้าเสร็จ ออกเดินทางจากสารคาม 11 โมง  
          บอกแล้วว่า  มหาสารคาม ไม่ไกลอย่างที่คิด อิอิอิ"